การราดสารโปแตสเซียมทางดิน




หลังจากเตรียมต้นลำไยมาตลอดระยะเวลา 5-6 เดือนที่ผ่านมา และได้รับการบำรุงต้นสะสมอาหารมาอย่างสมบูรณ์เต็มที่แล้ว  และลำไยผ่านการแตกยอดอ่อนมาแล้วอย่างน้อย 2 ครั้งก็สามารถราดสารโปแตสเซียมคลอเรตเพื่อชักนำให้ลำไยออกดอกนอกฤดูได้ ขั้นตอนมีดังนี้ เมื่อลำไยแตกยอดอ่อนครั้งที่สอง ฉีดพ่นทางใบด้วยด้วยปุ๋ยสุตร 0-52-34 อัตรา 1 กก. ต่อน้ำ 200 ลิตร จำนวนสองครั้ง ห่างกัน เจ็ดวัน เมื่อลำไยใบแก่ หรือหลังจากใบแตกยอดอ่อนครั้งที่ 2 อายุใบได้ 45 วัน ก้านยอดจะมีสีน้ำตาล เป็นช่วงที่เหมาะที่สุดที่จะทำการราดสารโปแตสเซียมคลอเรตเพื่อที่จะทำให้ลำไยออกดอกนอกฤดูได้ดี

ต้นลำไยที่จะทำการราดสารต้องงดการให้น้ำจนดินแห้ง กวาดใบบริเวณใต้ทรงพุ่มออกให้หมดเพื่อไม่ให้ดินชื้น ใช้สารโปแตสเซียมคลอเรต ราดหรือโรยบริเวณในทรงทรงพุ่มของต้นลำไย อัตราการใช้สาร 20 กรัม ต่อตารางเมตร ขึ้นอยู่กับขนาดทรงพุ่มของต้นลำไย ถ้าลำไยต้นเล็ก ก็ใช้สาร 400-500 กรัม ถ้าลำไยต้นใหญ่ก็ใช้สารจำนวน 1-1.5 กก. ถ้าต้นใหญ่มากก็ใช้สารไม่ควรเกิน 2 กก แล้วใช้น้ำราดลงไปบนสารให้ทั่วจนสารละลาย หลังจากราดสารแล้วต้องให้น้ำบริเวณที่ราดสารให้ดินชุ่มชื้นอยู่อย่าให้ดินแห้ง...

หรือจะใช้สารโปแตสเซียมคลอเรต จำนวน 10 กก+13-0-46 3 กก.+ ฮิวมิค 0.5 กก น้ำ 200 ฉีดพ่นบริเวณใต้ทรงพุ่มควรทำให้ดินชุ่มชื้นก่อนฉีดพ่นจะทำให้ได้ผลดี  เพื่อความมั่นใจเพื่อให้ลำไยออกดอก หลังจากให้สารทางดิน ได้ 3-7-14 วัน ทางใบใช้สารโปแตสเซี่ยมคลอเรต จำนวน 400 กรัม + 0-52-34 จำนวน 0.5 กก + แอททีฟอน 48% 100 ซีซี ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นทางใบสามครั้ง หลังจากราดสารได้ 21 วัน ลำไยก็จะแทงช่อดอกออกมา ข้อสำคัญถ้าช่วงไหนอากาศมืดคลื้มไม่ค่อยมีแสงแดดติดต่อกันหลายวัน ไม่ควรราดสารเป็นอย่างยิ่ง เพราะแสงมีส่วนสำคํญช่วยให้ลำไยออกดอกได้ดี.

สารโพแทสเซียมคลอเรต

โพแทสเซียมคลอเรต (KClO3) เป็นสารเคมีที่มีใช้กันมากในการเกษตร โดยเฉพาะสวนลำไยเพื่อใช้เป็นสารเร่งดอก และผลลำไยให้ออกนอกฤดู มีลักษณะเป็นผงหรือเม็ดสีขาว ไม่มีกลิ่น มีรสคล้ายเกลือ ละลายน้ำได้ไม่ค่อยดี




โพแทสเซียมคลอเรต สามารถผลิตได้ด้วยกระบวนการทางเคมี โดยใช้วิธีการผ่านก๊าซคลอรีนลงในสารละลายโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ที่อุณหภูมิสูงหรือวิธีการผ่านกระแสไฟฟ้าในสารละลายโพแทสเซียมคลอไรด์ อุณหภูมิ 50-60 องศาเซลเซียส ซึ่งจะเกิดโพแทสเซียมคลอเรตตกผลึกในสารละลาย

คุณสมบัติทางเคมี
- ประกอบด้วยธาตุโพแทสเซียม (K) คลอรีน (Cl) และออกซิเจน (O)
- จุดหลอมเหลว 356 องศาเซลเซียส
- ไม่ดูดความชื้น
- เป็นสารออกซิไดซ์ที่รุนแรง และจะปล่อยออกซิเจนอย่างรวดเร็วในปริมาณมาก

ความเป็นมาของการใช้โพแทสเซียมคลอเรตเร่งดอกลำไย
การค้นพบเกี่ยวกับประโยชน์ของสารโพแทสเซียมคลอเรตสำหรับใช้เร่งดอกลำไยให้ออกนอกฤดู นั้น ถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยนักทำดอกไม้ไฟในเมืองจีน ราว พ.ศ. 2525 ที่นำประทัดไปทิ้ง และฝังไว้บริเวณโคนต้นลำไย จนสังเกต พบว่า ลำไยมีการออกดอก และติดลูกนอกฤดูในทุกปี ในช่วงหลังมีการทดลองนำน้ำล้างภาชนะใส่สารดอกไม้ และน้ำละลายสารดอกไม้ไฟมาเทรดโคนต้นลำไย จนเป็นที่ทราบว่าสารในดอกไม้ไฟสามารถทำให้ลำไยออกนอกฤดูได้ แล้วมีการทดลองใช้ และผลิตออกมาจำหน่ายในปัจจุบัน ซึ่งส่วนมากจะนำเข้ามาจากประเทศจีน

วิธีการใช้
การใช้สารโพแทสเซียมคลอเรตเพื่อเร่งลำไยให้ออกนอกฤดู นิยมทำก่อนหน้าฤดูลำไยจะออกดอกในทุกปี โดยการหว่านโพแทสเซียมคลอเรตหรือใช้ละลายน้ำรดบริเวณโคนต้นลำไย ในอัตราตั่งแต่ 8 กรัม/ตารางเมตร หลังจากนั้นประมาณ 20-30 วัน ลำไยจะแทงช่อดอกออกมา ทั้งนี้ จะทำร่วมกับการตัดแต่งกิ่งจนใบลำไยที่แตกกิ่งใหม่เป็นใบแก่แล้ว ไม่ควรใช้ในระยะมีใบอ่อน เพราะจะให้ดอกน้อย

กลไกการกระตุ้นดอก
โพแทสเซียมคลอเรตเมื่อแตกตัวจะให้อนุมูลคลอเรต ที่เป็นประจุลบของ ClO3 เข้าจับกับเอนไซม์ไนเตรทรีดักเตสที่พืชสร้างขึ้นสำหรับเปลี่ยนไนเตรท (NO3) เป็นไนไตรท์ (NO2) และเป็นกรดอะมิโนสำหรับการเจริญเติบโตที่ได้จากการดูดแร่ธาตุในดิน

กลไกการกระตุ้นให้ลำไยออกดอกยังไม่สามารถสรุปได้ชัดเจน แต่มีการวิจัย และตั้งข้อสังเกตไว้หลายประการ คือ

1. เมื่ออนุมูลคลอเรตจับกับเอนไซม์ไนเตรทรีดักเตสกลายเป็นประจุลบของ ClO2 ทำให้เอนไซม์ไนเตรทรีดักเตสไม่สามารถทำงานได้จึงส่งผลต่อการเจริญเติบโตของใบให้ชะงักลง ทำให้ต้นลำไยกระตุ้นการสร้างดอกขึ้นมาทดแทน

2. เมื่อต้นมีการหยุดชะงักของการเจริญเติบโตทางใบจากผลของ ประจุลบ ClO2 จาการใส่โพแทสเซียมคลอเรตทำให้อัตราคาร์บอนต่อไนโตรเจน (C/N ratio) ในลำต้นมีอัตราเพิ่มมากขึ้น กระตุ้นให้ต้นลำไยเปลี่ยนตาใบเป็นตาดอกแทน

ข้อควรระวัง
1. เนื่องจากโพแทสเซียมคลอเรตเป็นสารออกซิไดซืที่รุนแรง สามารถให้ออกซิเจนจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ประกอบกับเป็นสารที่ไม่ดูดความชื้นจึงอาจเกิดการระเบิดได้ง่ายเมื่อถูกกระแทกหรือเสียดสี

2. เมื่อผสมกับวัตถุที่เป็นเชื้อเพลิงอโลหะ เช่น ผงถ่าน ผลอลูมิเนียม ผงสังกะสี ผงแมกนีเซียม จะมีคุณสมบัติติดไฟ และระเบิดได้ง่าย

3. การจัดเก็บ ควรจัดเก็บในโรงเรือนที่แดดไม่ส่องถึง การระบายอากาศดี ไม่มีความชื้น


ที่มา http://www.siamchemi.com
 สาระน่ารู้
สารโพแทสเซียมคลอเรต (Potassium chlorate; KClO3) มีคุณสมบัติเป็นของแข็งถ้าอยู่ในรูปผลึกจะใสและไม่มีสี เมื่อนำมาบดเป็นผงจะมีสีขาวละลายน้ำได้น้อย โดยสาร 1 กรัม ต้องใช้น้ำในการละลาย 16.5 มิลลิลิตร แต่ละลายได้ดีในน้ำเดือดโดยใช้น้ำเพียง 1.8 มิลลิลิตร สารนี้ มีคุณสมบัติเป็นตัวออกซิไดซ์อย่างแรง คือเป็นสารที่ให้ออกซิเจนในปฏิกิริยาออกซิเดชั่น จึงมีการนำสารนี้มาใช้ในการทำพลุ ดอกไม้ไฟ ทำไม้ขีดไฟ ชนวนจุดระเบิด สีย้อม การฟอกหนัง ตลอดจนสารฆ่าเชื้อโรค สารนี้มีค่าจุดเดือดที่ 400 องศาเซลเซียส จุดหลอมเหลว 368องศาเซลเซียส น้ำหนักโมเลกุล 122.55 และมีค่าความถ่วงจำเพาะ 2.32
http://coursewares.mju.ac.th:81/e-learning47/HO416/html/pa0098.htm